หางาน แหล่งหางานยอดนิยมปัจจุบัน

หางาน

 การหางานในปัจจุบันนั้น เป็นสิ่งที่บัณฑิตจบใหม่หลายคน ยังคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รู้จะเริ่มจากที่ไหน หางานจากแหล่งใด นั่นอาจจะเป็นเพราะยังไม่มีประสบการณ์ แต่สำหรับผู้ที่ทำงานมาสักระยะจะทราบดีว่า แหล่งหางานยอดนิยม ที่เราจะพบเจองานต่างๆ และมีโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์นั้นมีแหล่งวใดบ้าง  แน่นอนว่าปัจจุบันเราสามารถที่จะใช้เทคโนโลยีมาเป็นตัวช่วยในการเลือกสถานที่ทำงานได้ เพราะฉะนั้นเรามาดูกันว่าเราจะสามารถเลือกได้อย่างไรบ้าง   ที่จะทำให้เรานั้นเพิ่มโอกาสในการหางานได้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น   

หางาน

1.Line@

              การหางาน โดยใช้ไลน์แอดกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถตอบโจทย์ได้จริง และเป็นที่นิยมมากในยุคนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามักจะมีไลน์แบบที่เป็น Officialของแต่ละบริษัท ซึ่งในส่วนนี้นอกจากจะเป็นการโฆษณา website หรือโฆษณาตัวบริษัทไปในตัว ทำให้เราได้รู้จักกับบริษัทได้มากขึ้นนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ เป็นการเพิ่มโอกาสสำหรับการทำงานของเรานั่นก็คือบางครั้งจะมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่ว่างของภายในบริษัท ชื่อเราเองก็สามารถที่จะติดตามในเรื่องราวของตำแหน่งที่ว่าได้จากช่องทางนี้

2.แบนเนอร์โฆษณา

              ช่องทางการประชาสัมพันธ์ข่าวสารอารรับสมัครงานจากบริษัทต่างๆ ผ่านแบนเนอร์โฆษณา ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการสร้างงานหรือตำแหน่งงานว่างของแต่ละบริษัท  ซึ่งแบนเนอร์โฆษณาที่ติดอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆมากมายนั้นก็จะมีการบอกถึงตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องหรอกแต่สำหรับบางบริษัทนั้นอาจจะต้องการกลุ่มคนหรือผู้ที่จะเข้าไปเป็นพนักงานภายในบริษัทจำนวนมากก็อาจจะจำเป็นต้องใช้แบนเนอร์โฆษณามาเป็นตัวช่วย ซึ่งเราก็สามารถที่จะเข้าไปศึกษาข้อมูลหรือรายละเอียดต่างๆก่อนที่จะทำการตัดสินใจก็ได้

3.เว็บหางาน

               เว็บที่จะใช้สำหรับการหางานโดยตรง ซึ่งต้องบอกเลยว่าเว็บไซต์เหล่านี้นั้นสามารถที่จะช่วยเราในการค้นหาอาชีพที่เหมาะสมและตรงกับตำแหน่งที่เราต้องการได้ง่ายๆ แต่เราอาจจะต้องมีการจำกัดข้อมูลการค้นหาแบบจำเพาะว่าเราต้องการงานแบบไหนหรือเราจบมาในด้านไหน รวมถึงพื้นที่สำหรับสถานที่ทำงานเราก็สามารถที่จะกำหนดได้เช่นกัน

              ดังนั้น สำหรับใครก็ตามที่คิดว่าอยากที่จะหางานจริงๆทั้ง 3 ช่องทางนี้เป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถหางานได้ในรูปแบบที่ต้องการและตรงกับวัตถุประสงค์แต่บอกเอาไว้ตรงนี้เลยเราเองใช้ช่องทางเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์เพราะบางครั้งหลายคนเลยทีเดียวที่ไม่รู้จักวิธีการใช้งานที่เหมาะสม

แหล่งข้อมูลทำธุรกิจ

Business

            บางครั้งเรื่องของการทำธุรกิจออนไลน์หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องง่ายที่แคบเข้าไปในเว็บไซต์เราก็สามารถที่จะเปิดร้านเองได้ แต่ต้องบอกเลยว่าในส่วนนี้เป็นความคิดที่ผิดเพราะยังมีรายละเอียดสำคัญที่จะทำให้การทำธุรกิจของเรานั้นประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราต้องมาลองดูกันว่าเราสามารถที่จะหาแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการทำธุรกิจได้จากไหนบ้างเพื่อที่จะทำให้แหล่งข้อมูลที่เราได้รับรู้มานั้นสามารถปรับให้เกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น

1.เว็บไซต์ทั่วไป

            แน่นอนว่าเรื่องของการทำธุรกิจนั้นบางครั้งหลายคนก็อาจจะมีข้อมูลที่พอทราบกันมาบ้าง ส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นข้อมูลที่มาจากระบบทฤษฎีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังไม่เคยผ่านการปฏิบัติซึ่งบอกเลยว่าข้อมูลเหล่านี้ใช้ได้เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วยังมีข้อมูลอีกมากมายหรือจะเรียกว่าเป็นอาวุธสำคัญอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในเว็บไซต์หลายแห่งเพราะฉะนั้นลองศึกษาข้อมูลจากสิ่งเหล่านี้ดูก็จะทำให้เราได้อาวุธลับเพิ่มมากยิ่งขึ้นในการทำธุรกิจ

2.ประสบการณ์

            หรือถ้าหากใครมองว่าเว็บไซต์เหล่านี้เป็นเพียงแค่แหล่งข้อมูลเบื้องต้นที่เราเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน บอกเลยว่าสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้และทำความเข้าใจเพื่อที่จะนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้นั้นก็อาจจะต้องมาจากประสบการณ์แต่ทั้งนี้บางคนก็จะต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรในการเก็บสั่งสมประสบการณ์เพื่อที่จะเอามาใช้ จึงทำให้ประสบการณ์เหล่านี้มีคุณค่าและเป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยงสำหรับการทำธุรกิจ

3.ผู้รู้

            ในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันนั้นเราสามารถที่จะไปปรึกษากับทางธนาคารหรือกรมต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจได้แล้ว จากว่าในปัจจุบันนั้นทางรัฐบาลได้มีการสนับสนุนในส่วนนี้มากขึ้นทำให้เราก็จะได้รับแหล่งข้อมูลที่หลากหลายโดยเฉพาะการปรึกษากับผู้รู้หรือผู้ที่มีความเชียววชาญในด้านนี้โดยตรงก็จะทำให้การทำธุรกิจของเรานั้นลดความเสี่ยงในการขาดทุนและมีความเป็นระเบียบในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น

            เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากว่าใครเป็นหนึ่งในมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ในเรื่องของการทำธุรกิจนั้นบอกได้เลยว่าทั้ง 3 แหล่งข้อมูลที่กล่าวมาสามารถที่จะช่วยได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้บางคนเองก็อาจจะสามารถหาแหล่งข้อมูลเหล่านี้ได้จากคนใกล้ตัวที่เคยทำธุรกิจมาก่อนหรือประสบความสำเร็จกับธุรกิจของตัวเอง ซึ่งถึงอย่างไรก็ตามเรื่องของการทำธุรกิจนั้นการเผชิญด้วยตัวเองจะเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากที่สุดเพราะบางครั้งข้อมูลในตำราอาจจะไม่สามารถนำมาใช้ได้หมด

ความแตกต่างของธุรกิจออนไลน์และออฟไลน์

ธุรกิจออนไลน์

ในปัจจุบันด้วยความที่รูปแบบของการทำธุรกิจนั้นมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นการเปิดร้านค้าต่างๆก็สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ โดยสำหรับรูปแบบที่เรามักจะรู้จักกันดีคือเป็นรูปแบบสำหรับออฟไลน์และเป็นรูปแบบออนไลน์หรือจะเรียกได้ว่าเป็นแบบที่มีหน้าร้านกับแบบที่เปิดให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไป อันนี้บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าถ้าคิดจะเลือกควรที่จะต้องเลือกรูปแบบไหนเพราะสาเหตุอะไรและมีข้อดีอะไรที่น่าสนใจในเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะทำความเข้าใจ

1.เงินทุน

            ในส่วนแรกที่สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจนซึ่งก็คือเรื่องของเงินทุนต้องบอกเลยว่าถ้าเลือกที่จะทำธุรกิจออนไลน์แล้ว เราเองสามารถกำหนดงบประมาณของเงินทุนได้ง่ายกว่ารูปแบบของธุรกิจแบบออฟไลน์ที่จะต้องมีหน้าร้าน เนื่องจากว่าในการทำธุรกิจแบบมีหน้าร้านนั้นเราเองก็จำเป็นที่จะต้องลงทุนเพื่อเป็นการสร้างหน้าร้านให้ตอบโจทย์ในเรื่องของการใช้บริการ แน่นอนว่าในส่วนหนึ่งก็ยังมีรายละเอียดเกี่ยวกับการลงทุนอีกมากมายที่จะมากกว่าการทำธุรกิจแบบออนไลน์

2.การจัดการ

            แล้วต่อมาเรื่องที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนสำหรับข้อดีและข้อเสียที่มีความแตกต่างกันระหว่างธุรกิจทั้ง 2 รูปแบบ คือ การบริหารการจัดการต้องบอกเลยว่าในรูปแบบออนไลน์เราสามารถที่จะประหยัดเวลาจากการใช้โปรแกรมหรือตัวช่วยต่างๆได้ง่ายกว่า แต่สำหรับรูปแบบธุรกิจแบบออฟไลน์ในส่วนนี้ก็จะมีความยุ่งยากในเรื่องของการจัดการไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เรื่องของเงินทุนไปจนถึงส่วนของแรงงานก็จำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคและวิธีในการดูแลและบริหารให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด

3.เวลาพักผ่อน

            ช่วงระยะเวลาแรกสำหรับใครที่ทำธุรกิจแบบออฟไลน์ได้นอนในส่วนนี้อาจจะเรียกได้ว่าไม่มีเวลาพักผ่อนเลยแม้แต่น้อย ต้องมีการบริหารและคอยจัดการอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนนี้ก็จะมีความแตกต่างกับระบบธุรกิจแบบออนไลน์ที่เราเองจะได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จะว่าเรามีตัวช่วยอย่างระบบอินเทอร์เน็ตและระบบการบริหารในตัว ที่สามารถจะช่วยเราในการรับลูกค้าหรือรับออเดอร์สินค้าได้อยู่ตลอดเวลาแต่ไม่จำเป็นที่เราจะต้องลงมือทำด้วยตัวเอง

            เพราะฉะนั้นแล้วสำหรับทั้งหมดที่กล่าวมาก็จะแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการทำธุรกิจในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร แต่ถ้ามีต้องบอกแล้วว่าธุรกิจแต่ละรูปแบบนั้นก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไปนั่นขึ้นอยู่กับความสามารถหรือไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคนในการทำธุรกิจ เพราะบางคนนั้นอาจจะไม่ได้ชื่นชอบที่จะต้องทำงานอยู่ตลอดเวลาดังนั้นการทำธุรกิจแบบออนไลน์จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้มากกว่า